chiwidetoxclinic

PRP

PRP : PRP (Platelet Rich Plasma) เป็นการรักษาที่ใช้พื้นฐานของกระบวนการรักษาตัวเองตามธรรมชาติของมนุษย์ โดยใช้สารที่ได้จากการนำเลือดของตัวเองมาประกอบเพื่อใช้ในการฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย กระบวนการนี้จะผ่านการปั่นเลือดให้แยกชั้นพลาสมา (Plasma) โดยฉีดใช้ส่วนที่เข้มข้นสูงที่สุดที่สกัดมาจากเกล็ดเลือดในพลาสมา ซึ่งประกอบด้วยสารต่าง ๆ ที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด รวมถึงสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factor) ซึ่งเป็นกลุ่มโปรตีนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย มีหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวเพิ่มขึ้น และช่วยในกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ นั่นเอง

ขั้นตอน

1.เจาะเลือดและเก็บเลือด: ผู้ป่วยจะถูกเจาะเลือดในข้อพับเพื่อเก็บเลือด ประมาณเลือดที่เก็บอาจมีประมาณ 8-10 ซีซี
2.ใส่เลือดใน BCT Tube: เลือดที่เก็บไว้จะถูกใส่ในหลอด BCT Tube (Blood Cell Therapy) ที่มีสารต้านการแข็งตัวของเลือดอย่าง Sodium Citrate ซึ่งช่วยให้เกล็ดเลือดไม่แข็งตัว และปลอดภัยในกระบวนการ
3.การปั่นเลือด: BCT Tube ที่มีเลือดถูกนำไปปั่นผ่านเครื่องเหวี่ยงสาร (Centrifuge) เพื่อแยกส่วนของเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและสาร Growth Factor สูงออกมา
4.แยก PRP: หลังจากการปั่นเสร็จสิ้น แพทย์จะแยกส่วนของเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและสาร Growth Factor สูงออกมาเป็น PRP
5.การฉีด PRP: PRP จะถูกฉีดโดยใช้เข็มฉีดลงในส่วนที่ต้องการรักษา เช่น ผิวหน้าหรือบริเวณศีรษะ ซึ่ง PRP จะช่วยในการฟื้นฟูและรักษาส่วนที่ต้องการให้มีสภาพดีขึ้น


เหมาะกับใคร

การใช้ PRP (Platelet Rich Plasma) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาและปรับปรุงสภาพผิวหน้า โดยเฉพาะอาการผิวหมองคล้ำ (hyperpigmentation) ฝ้า (melasma) กระ (freckles) หรือจุดด่างดำ (dark spots) ที่ต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าหลังจากการทำความสะอาดหรือการรักษาทางเคมีที่กระทบต่อผิวหน้าไป

นอกจากนี้ การใช้ PRP ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและเส้น wrinkles บนใบหน้า รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวหน้าที่สูญเสียไป เช่น ผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยหรือผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เช่น การแก่ขึ้น หรือการเครียดต่อเนื่อง